Just for You

แนะนำ 10 อันดับ วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี ปี 2022

วิตามินดี เป็นวิตามินที่มีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก นอกจากจะช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดี  และช่วยเสริมสร้างกระดูกให้มีความแข็งแรงสมบูรณ์ แล้วยังมีส่วนช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย ปกติแล้วร่างกายของเราสามารถสร้างวิตามินดีขึ้นมาเองได้ตามธรรมชาติ โดยการสัมผัสแสงแดดที่มากับรังสีอัลตราไวโอเล็ต (UVB) นอกจากนี้ก็ยังยังพบได้ในอาหารจำพวก ปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาแซลมอน ปลาแมคคอแรล ปลาทูน่า ปลาเทราต์ ปลาซาร์ดีน และพบได้ใน น้ำมันตับปลา ตับวัว  มันสเตอร์ชีส นม ไข่แดง เห็ด ถั่วเมล็ดแข็ง  นมถั่วเหลือง  น้ำส้ม ซีเรียลข้าวโอ๊ต ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน การรับวิตามินดีผ่านทางแสงแดด และจากการรับประทานอาหารอาจจะไม่เพียงพอ ทำให้ขาดแคลน วิตามินดีโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นวิธีการที่ง่ายและสะดวกที่จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดีก็คือ  การทานอาหารเสริม ไม่ว่าจะเป็น วิตามินซี, วิตามินอี, วิตามินบี, วิตามินบีรวม และ Vitamin D

วิตามินดี (Vitamin D)
เช็คราคาจาก Lazada  เช็คราคาจาก Shopee

สารบัญ

วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดี แบ่งเป็น 2 ประเภท
10 อันดับ วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี ปี 2022
1. Blackmores Vitamin D3
2. California Gold Nutrition Vitamin D3
3. Kirkland Signature Extra Strength D3
4. 21st Century Vitamin D3
5. Mega Calcium-D (แคลเซียม-ดี)
6. DHC Vitamin D3
7. Life Extension Vitamin D3
8. Swisse Ultiboost Vitamin D
9. Now Foods Vitamin D3
10. Puritan's Pride Vitamin D3
ปริมาณวิตามินดี ที่ควรรับประทานใน 1 วัน
ประโยชน์เมื่อรับประทานวิตามินดีเป็นประจำ
แหล่งของวิตามินดี
วิธีการเลือกซื้อ วิตามินดี
บทสรุป


วิตามินดี (Vitamin D)

วิตามินที่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองได้ จะได้รับวิตามินชนิดนี้จากอาหารที่ทานหรือแสงแดดที่มาสัมผัสผิวหนังเท่านั้น เป็นวิตามินชนิดนี้จะละลายในไขมัน ซึ่งจะช่วยให้แคลเซียมสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ ปอด หัวใจ และ เสริมสร้างภูมิคุ้มกันร่างกาย  สำหรับวิตามินดีที่มีความจำเป็นต่อร่างกายมี 2 ชนิด ได้แก่ วิตามินดี 2 ที่พบอยู่ในพืชตระกูลเห็ด รา ยีสต์ และวิตามินดี 3 ที่ร่างกายจะสร้างขึ้นได้เองเมื่อมีการสัมผัสกับแสงแดดผ่านผิวหนังเท่านั้น แหล่งอาหารที่อุดมด้วยวิตามินดี เช่น ไข่แดง ปลาทะเล ตับ นม หรือผลิตภัณฑ์อาหารที่เสริมวิตามินดีลงไปเพิ่มเติม หรืออาจรับประทานเพิ่มในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งจะช่วยป้องกันและรักษาการขาดวิตามินดี ที่ร่างกายได้รับในรูปแบบอื่นไม่เพียงพอ ป้องกันโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) ในผู้สูงอายุ หรือโรคกระดูกอ่อนในเด็กในผู้ที่ขาดวิตามินดีอย่างรุนแรง


วิตามินดี แบ่งเป็น 2 ประเภท 

  • วิตามินดี 2 หรือ เออโกแคลซิเฟอรอล (Ergocalciferol) จะพบได้ในเฉพาะพืชเท่านั้น เมล็ดธัญพืช ยีสต์ ร่างกายของเราจะไม่สามารถสังเคราะห์มาเองได้ จะได้จากการรับประทานอาหารเป็นหลัก
  • วิตามินดี 3 หรือ โคเลแคลซิเฟอรอล (Cholecalciferol) ได้รับจากการสังเคราะห์เมื่อผิวสัมผัสแสงแดด หรือพบได้ในอาหารจำพวก ปลาที่มีไขมันสูงอย่างปลาแซลมอน ปลาแมคคอแรล ปลาทูน่า ปลาเทราต์ ปลาซาร์ดีน และพบได้ใน น้ำมันตับปลา นม ไข่แดง ถั่วเมล็ดแข็ง

สำหรับใครก็ตามที่คิดว่าตัวเองขาดวิตามินดีเพราะวันๆ ไม่ค่อยได้เจอกับแดดมากนัก ก็เลยมองหาตัวช่วยอย่างเช่น อาหารเสริมวิตามินดี แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อ วิตามินดียี่ห้อไหนดี วันนี้เราก็รวบรวม Vitamin D จากหลากหลายยี่ห้อไหนดีมาฝาก จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย


10 อันดับ วิตามินดี ยี่ห้อไหนดี ปี 
2022



1. Blackmores Vitamin D3

Blackmores Vitamin D3


Blackmores Vitamin D3 ผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีความเข้มข้นของวิตามินดีอยู่ที่ 25 mcg ต่อ 1 เม็ด ก็ถือว่ามีความเข้มข้นค่อนข้างน้อย จะมาในรูปแบบแคปซูล ทานง่าย ใครที่ไม่เคยทานวิตามินดีมาก่อนก็สามารถทานได้ ยังช่วยดูดซึมของแคลเซียม และฟอสเฟตเพื่อให้กระดูกแข็งแรง เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงมากขึ้น และยังช่วยลดความเสี่ยงในการหกล้มของผู้สูงอายุได้อีกด้วย



2. California Gold Nutrition Vitamin D3

California Gold Nutrition Vitamin D3


California Gold Nutrition Vitamin D3 อาหารเสริมบำรุงกระดูกและข้อ จากประเทศหรัฐอเมริกา ซึ่งจะช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง และยังช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มร่างกายให้แข็งแรง สำหรับส่วนผสมวิตามินดีตัวนี้จะไม่มีกลูเตน ไม่มีจีเอ็มโอ และไม่มีถั่วเหลือง ซึ่งผลิตภัณฑ์ตัวนี้จะมีความเข้มข้นของวิตามินดีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ คือ ความเข้มข้น 50 mcg และ ความเข้มข้น 125 mcg เรียกได้ว่าใครที่อยากจะทานวิตามินดีแบบเน้น ๆ แนะนำให้เลือกชนิดที่มีความเข้มข้นสูง ส่วนราคาก็มีให้เลือกหลากหลายตามปริมาณที่เลือก 

  • เม็ดแคปซูลกลมขนาดเล็ก ประกอบด้วย Vitamin D3 ขนาด 125 mcg (5,000 IU)
  • ให้ประสิทธิภาพการดูดซึมที่ดีเพราะวิตามินดีละลายได้ในไขมัน
  • บำรุงสุขภาพกล้ามเนื้อ กระดูกและฟัน
  • วิตามินดี มีบทบาทในการช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม
  • ช่วยในการแบ่งเซลล์ ให้เป็นไปอย่างปกติ




3. Kirkland Signature Extra Strength D3

Kirkland Signature Extra Strength D3


Kirkland Signature Extra Strength D3 มีความเข้มข้นของ Vitamin D3 อยู่ที่ 50 mcg หรือ 2,000 IU ช่วยดูดซึม แคลเซี่ยม และ ฟอสฟอรัส ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงพัฒนาการของกระดูกและฟัน ช่วยให้กระดูกแข็งแรงและป้องกันโรคกระดูกบาง (Osteopenia) และกระดูกพรุน (Osteoporosis) ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน รักษาระดับภูมิคุ้มกันให้เป็นปกติ เป็นภูมิคุ้มกันของร่างกายจากโรคหวัด มีส่วนช่วยให้การทำงานของสมองเป็นไปอย่างราบรื่นโดยเฉพาะในวัยสูงอายุ ช่วยในกระบวนการสำคัญต่างๆของร่างกาย เช่น ช่วยลดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ (Parathyroid hormone) ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)  ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานระดับวิตามินดีในร่างกายมากกว่า ช่วยลดโอกาสการพัฒนาของเซลล์มะเร็ง เมื่อเทียบกับผู้ที่มีระดับวิตามินดีน้อยกว่า ป้องกันการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกเพิ่มการหลั่งฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin)



4. 21st Century Vitamin D3

21st Century Vitamin D3


21st Century Vitamin D3 อาหารเสริมที่ผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา ในรูปแบบเม็ดขนาดเล็ก รับประทานง่าย ไม่มีกลิ่นคาวใด ๆ ด้วยความเข้มข้นของวิตามินดีจะอยู่ที่ 25 mcg (1,000 IU) ถือว่าอยู่ในปริมาณที่น้อย แต่อยากได้ความเข้มข้นจัด ๆ แนะนำให้เพิ่มจำนวนเม็ดในการรับประทานได้ แต่ต้องเกินกว่าปริมาณที่กำหนด อีกหนึ่งข้อดีของวิตามินดีนี้คือส่วนผสมปราศจากกลูเตน ไม่มีการเพิ่มยีสต์หรือรสชาติเทียม ช่วยเสริมสร้างกระดูกแข็งแรงและยังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ซึ่งถ้าใครที่มองหาวิตามินดี ที่ทานง่าย มีประโยชน์เต็มเม็ด และราคาถูก 



5. Mega Calcium-D (แคลเซียม-ดี)

Mega Calcium-D (แคลเซียม-ดี)


Mega Calcium-D  เป็นเป็นแคลเซียมเหลว ในแคปซูลแบบนิ่ม ดูดซึมได้ทันที ประกอบด้วยส่วนผสมจากแคลเซียมอิสระสูงถึง 600 มิลลิกรัม/เม็ด เหมาะสำหรับใครที่ต้องการจะบำรุงเสริมสร้างให้กระดูกและฟันมีความแข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน หรือคนที่มีปัญหาปวดตามข้อกระดูกก็สามารถหาซื้อมาทานได้ เป็นวิตามินดีที่มีผสมแคลเซียมจะมาในรูปแบบแคปซูลนิ่มแตกตัวง่าย เพื่อช่วยให้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี ใน 1 เม็ดแคปซูล ประกอบด้วย แคลเซียมคาร์บอเนต 1,500 มก. หรือเทียบเท่ากับแคลเซียม 600 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินดี 3 อยู่ที่ 0.2 มก. (200 หน่วยสากล) และยังเหมาะสำหรับคนที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ไม่ชอบออกกำลังกาย คนที่ชอบดื่มกาแฟเป็นประจำ รวมถึงผู้หญิงที่หมดประจำเดือนก็สามารถทานวิตามินนี้ได้ 

  • Calcium-D (แคลเซียม-ดี) ช่วยบำรุงกระดูก และป้องกันโรคกระดูกพรุน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่กระดูก หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้สูงอายุ เป็นเป็นแคลเซียมเหลว ในแคปซูลนิ่ม ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการละลาย ดูดซึมได้ทันที
  • มีแคลเซียมอิสระสูงถึง 600 มิลลิกรัม/เม็ด




6. DHC Vitamin D3

DHC Vitamin D3


DHC Vitamin D3 วิตามินดี 3 ช่วยในการกระตุ้นดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก ช่วยในการเก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน วิตามินดีมีผลต่อการดูดซึมกลับของกรดอะมิโนที่ไต ถ้าขาดวิตามินดี กรดอะมิโน ในปัสสาวะจะเพิ่มขึ้น ถ้าวิตามินดีเพียงพออัตราการดูดซึมกลับกรดอะมิโนจะปกติ และในปัสสาวะจะลดปริมาณลงช่วยสังเคราะห์น้ำย่อยใน mucous membrane ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเคลื่อนย้ายแบบ active transport ของแคลเซียมให้ข้ามเซลล์ไปได้ง่ายควบคุมปริมาณของแคลเซียม และฟอสฟอรัสในกระแสโลหิตไม่ให้ต่ำลงจนถึงขีดอันตราย เช่น แคลเซียมจะต้องอยู่ในเลือดประมาณ 7 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดย วิตามินดี จะกระตุ้นการดูดแคลเซียมในลำไส้ เพราะมิฉะนั้นแคลเซียมจะถูกขับออกจากร่างกายไปหมด และวิตามินดี จะกระตุ้นการนำเอาฟอสฟอรัสหน้าที่โดยทางอ้อมก็คือ วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้ จะสัมพันธ์กับการมีอยู่ และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ของร่างกายช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน

  • วิตามินดีช่วยในการกระตุ้นดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก ช่วยในการเก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน
  • ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ลดการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย
  • ควบคุมความดัน
  • ป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งลำไส้




7. Life Extension Vitamin D3

Life Extension Vitamin D3


Life Extension, Vitamin D3 with Sea-Iodine, 125 mcg (5,000 IU), 60 Capsules ใช้น้ำมันมะกอกสกัดเย็นคุณภาพดี (Extra Virgin Olive Oil) เป็นส่วนผสม และมีไอโอดีนจากพืชในทะเล แร่ธาตุที่จำเป็นอย่างมากต่อการทำงานของต่อมไทรอยด์รวมอยู่ด้วย ที่สำคัญคือ มีสารสกัดจากโรสแมรี่ ซึ่งมีบทบาทในด้านการกำจัดสารพิษตกค้างให้กับผิว รักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี

  • ใน 1 เม็ดซอฟเจล ประกอบด้วย Vitamin D3 (as cholecalciferol) 25 mcg
  • วิตามิน D3 ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
  • มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
  • ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จำเป็นสำหรับกระดูกและฟันที่แข็งแรง
  • ช่วยบำรุงกระดูก และฟันให้แข็งแรง
  • ช่วยป้องกันโรคกระดูกบาง(osteopenia) และกระดูกพรุน (osteoporosis)
  • ช่วยสร้างภูมิต้านทานให้แก่ร่างกาย ทำให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
  • ช่วยควบคุมระดับแคลเซียมในเลือด ลดการขับแคลเซียมออกจากร่างกาย
  • ช่วยสนับสนุนภูมิคุ้มกันและสุขภาพหัวใจ
  • ช่วยในการรักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบ
  • เพิ่มสมรรถภาพทางร่างกายในผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อม (osteoarthritis)
  • มาตรฐานการผลิตของอเมริกา




8. Swisse Ultiboost Vitamin D

Swisse Ultiboost Vitamin D


Swisse Ultiboost Vitamin D อุดมไปด้วย แคลเซียม ไซเตรต (Calcium Citrate) และ Vitamin D3 ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย สามารถดูดซึมและย่อยสลายง่าย ไม่ทำให้เกิดอาการท้องผูก วิตามินดี3 เป็นวิตามินดีจากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในบรรดาวิตามินดีทั้งหมด ช่วยทำหน้าที่กระตุ้นการดูดซึมและย่อยสลายแคลเซียม ช่วยเพิ่มการดูดกลับของแคลเซียม.เหมาะสำหรับผู้ประทานมังสะวิรัต และผู้เป็นเบาหวาน เนื่องจาก ปราศจากน้ำตาล เกลือ ยีสต์ กลูเทน แลคโตส ไข่ ถั่วเหลือง หรือสารกันบูด ไม่มีการปรุงแต่งรสและสี ได้ผ่านการรับรองคุณภาพ มาตรฐานการผลิตและความปลอดภัยเรียบร้อยแล้วจากองค์กรอาหารและยาประเทศออสเตรเลีย.รับประทานครั้งละ 1 เม็ด (3 เวลาหลังอาหารทันที)



9. Now Foods Vitamin D3

Now Foods Vitamin D3


Now Foods Vitamin D3 ความเข้มข้นระดับสูงถึง 250 mcg คื อถ้าใครชอบแบบเข้นข้นหนัก ๆ ก็ต้องจัดวิตามินดี 3 ยี่ห้อ Now Foods นี่แหละถูกใจแน่นอน! และส่วนผสมก็ยังไม่มียีสต์ ข้าวสาลี กลูเตน ถั่วเหลืองข้าวโพด นม ไข่ ปลา หรือส่วนผสมของหอย และเป็น NON-GMO จัดว่าเป็น Vitamin D3 ที่ได้จากธรรมชาติจริง ๆ ด้วยคุณสมบัติที่ดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสได้ดี ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ข้อต่อ กระดูก และฟัน อีกทั้งยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและกล้ามเนื้อร่างกายให้อีกด้วย 



10. Puritan's Pride Vitamin D3

Puritan's Pride Vitamin D3


Puritan's Pride Vitamin D3 125 mcg (5000 iu) 200 softgels ช่วยดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส เพื่อสุขภาพของกระดูกและฟัน  วิตามินดีช่วยในการกระตุ้นดูดซึมแคลเซียม และฟอสฟอรัส มีความสำคัญในการสร้างกระดูกและฟัน และการเจริญเติบโตตามปกติของเด็ก ช่วยในการเก็บสำรองแร่ธาตุไว้ในกระดูกและฟัน เกี่ยวข้องกับการใช้ฟอสฟอรัสในร่างกาย ช่วยสังเคราะห์ Mucopolysaccharide ซึ่งเป็นสารที่จำเป็นในการสร้างคอลลาเจน เกี่ยวข้องกับการใช้คาร์โบไฮเดรต เกี่ยวข้องกับการใช้เกลือซิเตรทในร่างกาย หน้าที่โดยทางอ้อมก็คือ วิตามินดีจำเป็นในการทำงานของระบบประสาท การเต้นของหัวใจ การแข็งตัวของเลือด เพราะหน้าที่เหล่านี้ จะสัมพันธ์กับการมีอยู่ และการใช้แคลเซียมและฟอสฟอรัส ของร่างกาย ช่วยดูแลภูมิคุ้มกัน ขนาดรับประทาน : รับประทานวันละ 1 เม็ดพร้อมมื้ออาหาร



ปริมาณวิตามินดี ที่ควรรับประทานใน 1 วัน

วิตามินดี (Vitamin D)
เช็คราคาจาก Lazada  เช็คราคาจาก Shopee

ใครที่อยากจะได้รับวิตามินดีที่เพียงพอและเหมาะสมต่อวัน ควรรับประทานอาหารที่มีวิตามินดีสูง ๆ หรือวิตามินดีในรูปแบบอาหารเสริมก็ได้เช่นกัน ซึ่งปริมาณความต้องการวิตามินในร่างกายของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งช่วงอายุและพฤติกรรมไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแต่ละคน ซึ่งจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้ให้คำแนะนำว่าควรรับประทานวิตามินดี วันละ 400-800 IU หรือ 10-20 mcg ต่อวัน ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการ Vitamin D ในร่างกายจะอยู่ที่ 1,000–4,000 IU หรือ 25–100 mcg ดังนั้น ใครที่วันละ ๆ ไม่ค่อยโดนแสงแดดเลย หรือมีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ หรือไม่ได้รับประทานอาหารที่มีวิตามินดีอยู่เลย ก็สามารถเพิ่มปริมาณ Vitamin D ได้ แต่ควรให้อยู่กรอบที่กำหนด


ประโยชน์เมื่อรับประทานวิตามินดีเป็นประจำ

  • ป้องกันโรคกระดูกพรุน เพราะ วิตามินดีมีส่วนช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการสลายแคลเซียมจากมวลกระดูกได้

  • ช่วยเสริมความแข็งแรงในการออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายฟิตมากขึ้น แข็งแรงมากขึ้น ไม่เหนื่อยง่าย ไม่เพลียง่าย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ เนื่องจากวิตามินดี3 (Vitamin D3) ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นทำให้กล้ามเนื้อที่ได้รับบาดเจ็บจากการ ออกกำลังกาย ได้รับการซ่อมแซมมากขึ้น และกลับมาใช้งานได้ปกติไวกว่าคนที่ขาดวิตามินดี 3 (Vitamin D3)

  • ป้องกันโรคกระดูกอ่อน หากร่างกายได้รับวิตามินดี 3 ในปริมาณมากเพียงพอจะช่วยให้กระดูกและกล้ามเนื้อแข็งแรง ลดอาการของโรคกระดูกอ่อนที่มักเกิดในวัยรุ่นและวัยทำงาน
  • ลดโอกาสการลื่นล้มในผุ้สูงอายุ จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า การทานวิตามินดี 3 ในปริมาณสูงจะช่วยป้องกันการลื่นล้มได้ถึงร้อยละ 22 ลดการแตกหักของกระดูกสะโพกได้ร้อยละ 30 รวมถึงกระดูกบริเวณอื่นได้อีกร้อยละ 14
  • ควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะเซลล์บริเวณลำไส้ เต้านม และต่อมลูกหมาก วิตามินดีจะช่วยควบคุมให้เซลล์เติบโตได้เป็นปกติ
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย โดยมีหน้าที่อยู่ในกระบวนการผลิตอินซูลินที่ตับอ่อน ทำให้ผลิตอินซูลินออกมาเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย
  • เสริมการทำงานของระบบภูมิต้านทาน วิตามินดีช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวตอบสนองต่อเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายได้ดี
  • ควบคุมความดันโลหิตในร่างกาย ด้วยการลดการสร้างสารเรนิน (Renin) ในไตเพื่อควบคุมระดับความดันโลหิตไม่ให้สูงจนเกิดความผิดปกติ

  • ลดความเครียด ช่วยในการนอนหลับ และฟื้นฟูผิว วิตามินดี3 (Vitamin D3) กระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารเคมีในสมองชื่อ “ซีโรโตนิน” ซึ่งช่วยลดความเครียด ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้น เมื่อเรานอนพักผ่อนเพียงพอ ร่างกายของเราก็จะผลิตโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ได้เพียงพอ ซึ่งทำให้เรามีผิวพรรณอ่อนกว่าวัย เปล่งปลั่ง เนียน ชุ่มชื่น ลดความเสื่อมของเซลล์ผิว และช่วยให้อารมณ์ดีอีกด้วย


แหล่งของวิตามินดี

  • วิตามินดีจากแสงยูวี การรับแสงยูวีในยามเช้าจะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดี ส่วนจะได้ในปริมาณมากหรือน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับแสงแดดของช่วงเวลานั้นในแต่ละวัน
  • วิตามินดีจากการรับทานอาหาร วิตามินดี มีอยู่ในอาหารหลายชนิด เช่น ไข่แดง ตับ นม เนย ปลาซาดีน และปลาทูน่า เป็นต้น
  • การทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินดี นับเป็นทางเลือกที่ดีในการเสริมสร้างร่างกาย ซึ่งวิตามินดีในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารควรเป็นวิตามินดี 3 ซึ่งเป็นรูปแบบที่สร้างขึ้นภายในร่างกาย เพื่อให้เกิดการนำไปใช้ในร่างกายได้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด


วิธีการเลือกซื้อ วิตามินดี 

  • ปริมาณที่เหมาะสมกับการรับประทาน วิตามินดี ในแต่ละคนไม่เท่ากัน ถ้าในคนทั่วไปอาจจะไม่ได้ต้องการปริมาณสูงมาก แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยก่อนจะซื้อแนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อตรวจวัดระดับวิตามินดีในเลือด จะได้เลือกปริมาณที่เหมาะสมกับตนเองได้

  • เลือกวิตามินดี  ที่มีส่วนผสมของสารบำรุงอื่น  เพื่อเสริมระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายในทีเดียวได้เช่นกัน วิตามิน K2  แคลเซียมเน้นเสริมสร้างความแข็งแรงของข้อต่อ กระดูกและฟัน ธาตุเหล็กช่วยบำรุงเลือด แมกนีเซียมช่วยควบคุมสมดุลแคลเซียมในกระดูกและเลือด สังกะสีเสริมสร้างภูมิต้านทานช่วยสร้างโปรตีนและคอลลาเจน

  • บรรจุภัณฑ์จะต้องมีความสะอาด มีฝาปิดมิดชิด เพื่อกันความชื้น เป็นกระปุกที่สามารถกันแสงแดดได้ ทั้งนี้ต้องการเก็บรักษาเพื่ือประสิทธิภาพของเม็ดยาเสื่อมคุณภาพ ทำให้วิตามินดีไม่เกิดผลเต็มที่
  • วิตามินดี มีหลายยี่ห้อ ควรเลือกซื้อวิตามินยี่ห้อ ที่ได้รับความนิยม และมีมาตรฐานการผลิตที่ถูกต้องจากกระทรวงสาธารณสุข เช่น อย. GMP มี วันที่ผลิต วันหมดอายุ สถานที่ผลิต วิธีการรับประทาน ส่วนประกอบต่างๆ อย่างชัดเจน

วิตามินดี (Vitamin D)
เช็คราคาจาก Lazada  เช็คราคาจาก Shopee


บทสรุป

อย่างที่ทราบกันดีว่า ร่างกายสามารถรับวิตามินดีได้จากแสงแดดอ่อนๆ  เพื่อป้องกันการขาดวิตามินดี แนะนำให้ออกมาสัมผัสแสงแดดบ้าง โดยเฉพาะแสงแดดตอนเช้า แต่ก็อาจจะไม่มากเพียงพอ แต่เราสามารถเสริมวิตามินดีให้ร่างกายได้จากการกินอาหาร หรือ ทานอาหารเสริมวิตามินดี ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพื่อเสริมสร้างร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงของกระดูก ปรับสมดุลของน้ำตาลในร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และยังช่วยในป้องกันความดันโลหิตสูงอีกด้วย ดังนั้นวิตามินดีจึงเป็นวิตามินอีกหนึ่งชนิดที่ควรมีติดบ้านไว้ และเพื่อการรักษาที่ถูกต้องและผลลัพธ์ที่ดีควรปรึกษาแพทย์และตรวจระดับวิตามินดีในเลือดก่อน


วิตามินดี ประโยชน์, วิตามินดี3 ยี่ห้อไหนดี pantip, วิตามินดี อาหาร, วิตามินดี กินตอนไหน, วิตามินดี 3 ประโยชน์, ขาดวิตามินดี pantip, วิธี เพิ่มวิตามินดี, วิตามินดี คือ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น